วัดชุมพลนิกายาราม
วัดชุมพลนิกายาราม* เป็นอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ที่หัวเกาะบางปะอิน ตำบลบางเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอารามที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และใกล้กับพระราชวังบางปะอิน
วัดชุมพลนิกายารามนี้ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๓ ภายในอาณาบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งพระราชเคหสถานเดิมของพระราชมารดาของพระองค์ และสมเด็จพระเจ้าปราสาททองเองได้ทรงพระราชสมภพที่นี่ อาณาเขตของวัดนี้ ทางทิศเหนือกว้าง ๑ เส้น ด้านทิศใต้กว้าง ๔ เส้น ยาว ๔ เส้น ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ วัดชุมพลนิกายาราม ได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งหนึ่ง โดยสมเด็จพระเจ้าราชวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทราพิทักษ์ ระหว่างทีทรงผนวชอยู่ที่วัดโคกแสง จากนั้นวัดชุมพลนิกายารามก็มิได้รับการปฏิสังขรณ์อีก เข้าใจว่าเนื่องด้วยบ้านเมืองมีภัยสงครามทั้งจากการแย่งชิงราชสมบัติ และจากพม่า ข้าศึกจากภายนอกที่เข้ามารุกราน
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงทำผาติกรรมไถ่ถอนพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่ลพบุรี ซึ่งครั้งนั้นเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพื่อจะทรงฟื้นฟูให้เป็นพระราชวังเดิม ดังนั้น จึงทรงซื้อที่นา ๔๐ ไร่ ๒ งาน ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ ทรงทะนุบำรุงแทนเท่าเนื้อที่ของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ นั่นคือเนื้อที่ของพระอาราม ๓ แห่ง คือ วัดชุมพลนิกายาราม ที่บางปะอินวัดเสนาสนาราม ที่อยุธยา และวัดกวิศราราม ที่ลพบุรี
สำหรับวัดชุมพลนิกายารามใน พ.ศ. ๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์โดยโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเขียนภาพผนังด้านในใหม่ พื้นภายในเดิมปูด้วยกระเบื้องหน้าวัวเปลี่ยนเป็นปูด้วยหินอ่อน
ภายในวัดชุมพลนิกายาราม มีอาคารศาสนาสถานที่น่าสนใจ คือ พระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งยังแสดงรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยา รัชกาลพระเจ้าปราสาททองอย่างเด่นชัด แม้ว่าจะได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์ และมีลักษณะรูปแบบศิลปรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ผสมผสานอยู่ด้วยก็ตาม
พระอุโบสถ
พระอุโบสถซึ่งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ๒ ชั้น เป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบทรงโรง หลังคาลาดลดหลั่น ๓ ชั้น ด้านหน้าและด้านหลังของพระอุโบสถสร้างเป็นมุขเด็จยื่นออกมา ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปอดีตพระพุทธเจ้า ๖ พระองค์ และพระพุทธเจ้าสมณโคดม ๑ องค์รวม ๗ องค์ ติดอยู่ที่ผนังพระอุโบสถ คือ
๑. พระพุทธเจ้าวิปัสสี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
๒. พระพุทธเจ้าสิฐี เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
๓. พระพุทธเจ้าเวสสภู เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
๔. พระพุทธเจ้ากกุสันโธ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
๕. พระพุทธเจ้าโกนาคมน์ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
๖. พระพุทธเจ้ากัสสป เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
๗. พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ลักษณะของพระพุทธรูปประธาน มีพระพักตร์รูปสี่เหลี่ยมพระวรกายตั้งตรง นิ้วพระพักตร์เสมอกัน และพระเพลาที่ผายกว้างแสดงให้เห็นว่าเป็นอิทธิพลของศิลปะอู่ทอง จึงอาจมีข้อสันนิษฐานว่า วัดชุมพลนิกายารามนี้อาจจะเป็นวัดโบราณร้างมาก่อน และได้ร้บการบูรณะครั้งใหญ่เกือบจะเป็นการสร้างใหม่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และต่อมาเมื่อได้รับการบูรณะใหม่อีกครั้งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการเขียนรูปพระมหาพิชัยมงกุฎอยู่เหนือเศียรพระพุทธรูป พระประธานพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถอดีตพระพุทธเจ้า
โดยรอบฝาผนังภายในพระอุโบสถทั้งสี่ด้าน ประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นภาพเล่าเรื่องพระพุทธประวัติอดีตพระพุทธเจ้า และพระสมณโคดมในกัลป์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธรูปประธานทั้ง ๗ พระองค์ อย่างไรก็ดี ภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง ๔ ด้าน ส่วนใหญ่ลบเลือน มีเพียงด้านหน้าพระประธานที่ยังเหลืออยู่ในสภาพที่ดี เพดานพระอุโบสถเขียนลายพวงอุบะและพู่กลิ่นที่แขวนประดับตามพระตำหนัก ส่วนบนบานประตูหน้าต่างภายในเขียนลายแท่นบูชาแบบกระบวนจีน
ภายนอกพระอุโบสถยังมีรูปแบบฐานโค้งสำเภา มีมุขยื่นทั้งสองด้าน อันเป็นรูปแบบอาคารสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาอย่างเด่นชัด ที่หน้าบันประดับด้วยลายพระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นพระราชลัญจกรประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และลวดลายภาพชุมนุมพลเพื่อการตั้งทัพ หน้าบันเหนือขึ้นไปสลักภาพทัพทั้งสี่เหล่า ตรงด้านหลังบานประตูหน้าต่างเขียนภาพเครื่องบูชาแบบจีน โดยมีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มทรงปราสาทยอดปรางค์ มีมุขหน้าและมุขหลังของตัวพระอุโบสถประดิษฐานรูปพระศรีอาริยเมตไตรยภายในซุ้มจระนำ
พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง
พระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ๒ องค์ ก่อไว้ทางด้านหลังของพระอุโบสถ โดยรวมแล้วอาจเทียบได้กับพระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ๒ องค์ ที่วัดไชยวัฒนาราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา แต่พระเจดีย์ทั้ง ๒ องค์ที่วัดชุมพลนิกายาราม ได้รับการบูรณะแล้วในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันจึงอยู่ในสภาพดี พระเจดีย์ ๒ องค์นี้บรรจุพระบรมธาตุขนาดกลาง ๒ องค์ ขนาดน้อย ๒ องค์ รวม ๔ องค์ ห่อด้วยทองใบหนักไม่ถึง ๑/๔ เฟื้อง ไว้ในผอบจันทน์แดง ซึ่งซ้อนอยู่ในผอบจันทน์ขาว และผอบศิลาตามลำดับ แล้วรวมบรรจุไว้ในมณฑปศิลา คงประดิษฐ์ในคราวบูรณะหลังสุดนั้นเอง
ยังมีพระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองอีก ๒ องค์ ก่อที่มุมกำแพงแก้วชั้นนอกด้นหน้าพระอุโบสถ เป็นศิลปะสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
วิหาร
พระวิหารตั้วอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก หลังคาลด ๒ ชั้น หน้าบันเป็นแบบที่เรียกว่ากระเท่เซร์ มีคอสองโดยรอบซึ่งตกแต่งด้วยลายอุบะ มีหลังคารอบ หน้าบันตกแต่งด้วยลายปูนปั้นเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ ประดิษฐานบนพาน ๒ ชั้น ขนาบด้วยพระเศวตฉัตร ล้อมรอบด้วยลายเครือเถาก้านขด ส่วนของช่อฟ้า และหางหงส์ทำเป็นรูปเศียรนาค พระวิหารนี้ตั้งอยู่ระหว่างเจดีย์ ๒ องค์ ภายในพระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ๑๑ องค์[๑]
ใบเสมา
ใบเสมาทำเป็นรูปหัวเม็ดสี่เหลี่ยมยอดทรงมัณฑ์ ตั้งอยู่ในบริเวณกำแพงชั้นในของพระอุโบสถ ที่มุมเชิงมีเศียรนาคประดับทั้งสี่มุม ตรงกลางเป็นลายดอกเบญจมาศ อันเป็นรูปแบบใบเสมาตามพระราชนิยมแบบหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ ใบเสมาตั้งอยู่บนฐานบัวทรงสูง
* นางณัฏฐภัทร จันทวิช ค้นคว้าเรียบเรียง
๑ พระครูวิชาญธรรมโชติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชุมพลนิกายาราม อธิบายเพิ่มเติมว่า เดิมมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในซุ้มผนัง ๗ องค์ ที่ฐานชุกชี ๔ องค์ ต่อมา โจรได้ลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปไป ๑ องค์ ทางวัดจึงโยกย้ายพระพุทธรูปที่สมบูรณ์ ๙ องค์ ไปเก็บไว้ที่กุฏิเจ้าอาวาส ๑ องค์ กุฎิผู้ช่วยเจ้าอาวาส ๘ องค์ โดยนำพระที่หล่อใหม่สมัยหลังไปประดิษฐานไว้ และมีการต่อเติมเศียรพระที่หายไปให้สมบูรณ์
วิดีทัศน์