วัดจงกรม
วัดจงกลม เป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นวัดร้างอยู่ห่างจากฝั่งตะวันตกของคลองสระบัวประมาณ ๒๐๐ เมตร เยื้องจากวัดพระรามหรือวัดพระงาม หรือวัดชะรามขึ้นไปทางเหนือ วัดจงกลมมีขอบเขตพื้นที่โบราณสถานโดยประมาณ ๔ ไร่ ๒ งาน ๔๗ ตารางวา รอบวัดติดกับที่ดินของชาวบ้านที่เช่าจากกรมศาสนา ด้านทิศเหนือใกล้วัดพระยาแมน ด้านทิศใต้ใกล้วัดพระรามหรือวัดพระงาม หรือวัดชะราม ด้านทิศตะวันตกเป็นบริเวณทุ่งขวัญ ด้านตะวันออกเป็นถนนทางเข้าวัดซึ่งสร้างทับลงบนถนนอิฐสมัยโบราณที่ตัดตรงมาจากคลองสระบัว
ไม่ปรากฏหลักฐานประวัติความเป็นมาของวัดจงกลม แต่พบเรื่องราวเกี่ยวกับวัดจงกรม ในเอกสารประวัติศาสตร์เรื่อง “พระตำราบรมราชูทิศเพื่อกัลปนาสมัยสมเด็จพระเพทราชา” ว่า พระธรรมสารเถร อธิการวัดจงกรม ได้เข้าร่วมถวายพระพรสมเด็จพระเพทราชา ณ พระที่นั่งบรรยงต์รัตนาสน์ ในพระบรมมหาราชวังใน พ.ศ. ๒๒๔๒ ซึ่งนับเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า วัดจงกลม เป็นวัดเดียวกับวัดจงกรมในเอกสารประวัติศาสตร์ดังกล่าว แต่ต่อมาภายหลังการสะกดคลาดเคลื่อนไปเพราะคำว่าจงกลมนั้นไม่มีความหมาย แต่คำว่า จงกรม หมายถึง อาการที่เดินไปมาในที่กำหนดอย่างพระเจริญกรรมฐานเดิน เรียกว่า เดินจงกรม ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้กับภาพการเดินวนทักษิณาวัตรของพระพุทธรูปปางลีลาในซุ้มจระนำรอบเจดีย์ประธานวัดจงกลม ซึ่ง น. ณ ปากน้ำ จิตรกรผู้สนใจในการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ กล่าวไว้ในหนังสือ “ห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา” หนังสือที่รวมเรื่องราวการสำรวจโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๕๑๐
วัดจงกลมสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นสืบเนื่องมาจนไม่กี่สิบปีที่แล้วจึงได้ร้างไป ทำให้วัดจงกลมชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกรมศิลปากรเข้าไปดำเนินการขุดค้น ขุดแต่งทางโบราณคดี ในปีงบประมาณ ๒๕๔๒ หลังจากการขุดค้นขุดแต่งทางโบราณคดี ได้พบหลักฐานตั้งแต่แรกสร้างวัดจนกระทั่งร้างไปที่สำคัญดังนี้
เจดีย์ประธาน (โบราณสถานหมายเลข ๑) ตั้งอยู่กึ่งกลางวัด ทรงกลมตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยมรองรับฐานหน้ากระดาน ๓ ชั้น และฐานบัวลูกแก้วแปดเหลี่ยม ๒ ชั้น ฐานบัวลูกแก้วกลม ๑ ชั้น รอบฐานบัวลูกแก้วกลมมีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ๒๔ ซุ้ม ปัจจุบันหลุดร่วงไปหมดแล้ว ถัดจากซุ้มจระนำขึ้นไปเป็นชั้นมาลัยเถา ประกอบด้วยบัวลูกแก้ว ๓ ชั้น รองรับองค์ระฆังทรงกลมเพรียว เหนือองค์ระฆังเป็นบัลลังก์แปดเหลี่ยม ก้านฉัตรร่องรอยของเสาหานเหลืออยู่ ๑ ต้น ต่อขึ้นไปเป็นปล้องไฉนและปลียอด ที่ด้านทิศเหนือและใต้มีบันไดขึ้นสู่องค์เจดีย์ รอบเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายบริวารบนฐานแปดเปลี่ยม ๖ องค์ แต่เหลือเพียงส่วนฐานราก
เจดีย์ประธานวัดจงกลมมีลักษณะรูปแบบคล้ายกับเจดีย์หลายองค์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลักษณะพิเศษที่น่าสนใจประการหนึ่งคือที่ฐานด้านตะวันออกเจาะเป็นช่องโค้งแบบกลีบบัวเข้าไปภายในองค์เจดีย์ซึ่งมีเจดีย์องค์เล็กแบบสุโขทัยก่อเป็นกรุอยู่ รูปแบบคล้ายกับองค์เจดีย์ประธานที่สร้างครอบอยู่ ที่ผนังเจดีย์ประธานด้านในทำช่องซุ้มโค้งสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบ ๗ ซุ้ม เจดีย์ประธานซึ่งสร้างครอบเจดีย์องค์เล็กก่อส่วนฐานขึ้นมาประสานกับเจดีย์องค์เล็กในลักษณะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้าง
เจดีย์ประธานวัดจงกลมสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นพร้อมกับเจดีย์บริวารด้านเทิศเหนือ ๓ องค์ (หมายเลข ๑, ๒, ๓) ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (หมายเลข ๔) สร้างเป็นเจดีย์แบบทรงกลมฐานแปดเหลี่ยมทั้งหมด เมื่อแรกสร้างฐานและองค์ระฆังมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบัน ไม่มีประติมากรรมประดับ ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนกลางมีการบูรณะโดยการพอกขยายฐานรวมทั้งองค์ระฆังให้ใหญ่ขึ้น แล้วก่อซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาบนชั้นฐานบัวลูกแก้วใต้ชั้นบัวลูกแก้วปากระฆัง ก่อบัลลังก์แปดเหลี่ยมมีเสาหานหลอกเป็นเสาสี่เหลี่ยมแนบผนัง ก้านฉัตรทำเสาหานกลมล้อม พอกขยายปล้องไฉนให้รับกับส่วนที่ขยายขึ้น และสร้างเจดีย์รายบริวารเพิ่มขึ้นทางทิศใต้ ๑ องค์ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ๑ องค์ เป็นเจดีย์แบบทรงกลมฐานแปดเหลี่ยม สมัยสุดท้ายที่มีการบูรณะเจดีย์ประธานคือสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการพอกขยายฐานชั้นล่างสุดออกไปประมาณ ๗๐ เซนติเมตร เจดีย์รายบริวารได้รับการพอกขยายเช่นกัน โดยเจดีย์รายหมายเลข ๒,๓,๔,๖ พอกขยายปรับเปลี่ยนเป็นฐานกลม หมายเลข ๑ พอกปรับเปลี่ยนเป็นฐานสี่เหลี่ยม
วิหาร (โบราณสถานหมายเลข ๒) ตั้งอยู่หน้าเจดีย์ประธาน เหลือเพียงส่วนรากฐานสูงจากพื้นดินประมาณ ๕๐ เซนติเมตร เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ๑๑.๗ x ๑๙.๒ เมตร มีพาไล ๓ ด้าน ยกเว้นด้านตะวันออก ภายในมีเสาสี่เหลี่ยมรองรับเครื่องหลังคา ๒ แถว ตรงกลางมีฐานชุกชีขนาด ๕.๑ x ๑๐.๒ เมตร ระเบียงด้านหลังมีเสากลมรองรับเครื่องบน ๖ ต้น
วิหารวัดจงกลม มีการก่อสร้างและบูรณะรวม ๔ สมัย เมื่อแรกสร้างเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่มีพาไล สมัยที่ ๒ จึงก่อพาไลขึ้นทางด้านทิศเหนือ ใต้ และตะวันตก สมัยที่ ๓ มีการสร้างวิหารขึ้นใหม่ทับลงบนโครงสร้างเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและชิดเจดีย์ประธานมากขึ้น สมัยที่ ๔ ขยายวิหารให้ใหญ่ขึ้นอีกโดยก่อระเบียงด้านหน้าและด้านหลัง ยกระดับวิหาร ขยายฐานชุกชี ดังที่เหลือรากฐานให้เห็นในปัจจุบัน
อุโบสถ (โบราณสถานหมายเลข ๙) ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของวิหาร ยังเหลือสภาพเดิมอยู่มาก จนสามารถเห็นรูปแบบสถาปัตยกรรมได้ชัดเจนว่าอุโบสถวัดจงกลมเป็นอุโบสถแบบที่นิยมสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ขนาด ๕ ห้อง ก่ออิฐสอปูน กว้าง ๙.๒ เมตร ยาว ๑๖.๔ เมตร มีระเบียงด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมบันไดขึ้นลง ไม่มีพาไล ใช้ผนังรับน้ำหนักส่วนหลังคา เจาะช่องประตูหน้า ๓ ประตู ประตูหลัง ๒ ประตู เจาะช่องหน้าต่างที่ผนังด้านทิศเหนือ – ทิศใต้ ด้านละ ๓ ช่อง ฐานอุโบสถแอ่นโค้งแบบท้องสำเภา ภายในปูพื้นอิฐฉาบปูน ตรงกลางมีฐานชุกชี รอบอุโบสถมีฐานตั้งใบเสมา ๘ ทิศ รูปแบบและโครงสร้างของอุโบสถนับแต่แรกสร้างมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ การปิดตายช่องประตูบานกลางด้านหน้าและฃ่องประตูหลังทั้ง ๒ ประตู สันนิษฐานว่า เพื่อเปลี่ยนเป็นอุโบสถแบบมหาอุดที่ได้รับความนิยมในสมัยอยุธยาตอนปลาย - สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เจดีย์ฐานสูง (โบราณสถานหมายเลข ๑๐) ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดเหลือเพียงส่วนฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด ๗.๘ x ๗.๘ เมตร สูง ๕.๕ เมตร มีบันไดทางขึ้นตรงกลางทั้ง ๔ ด้าน ลักษณะของฐานเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่ซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป ๒ ชั้น ฐานชั้นล่างก่อเป็นระเบียงล้อมรอบ พร้อมเจาะช่องระบายน้ำที่ขอบเป็นระยะๆ
เจดีย์องค์นี้มีภาพถ่ายเก่าแสดงให้เห็นรูปแบบสถาปัตยกรรมก่อนจะพังทลายลงด้วย พบว่าฐานสี่เหลี่ยมของเจดีย์ซ้อนลดระดับขึ้นไป ๓ ชั้น ชั้นบนสุดตั้งเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็ก ๑ องค์ เป็นเจดีย์ทรงเครื่องประกอบด้วยชุดฐานสิงห์และบัวกลุ่ม แบบเจดีย์สมัยอยุธยาตอนปลายสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่เริ่มสร้างมีการซ่อมสร้างเพียงครั้งเดียวที่สำคัญคือ ก่อเสริมพนักระเบียงบนฐาน
ศาลาราย (โบราณสถานหมายเลข ๑๑ - ๑๖) ซากอาคารผังเป็นรูปสี่เหลี่ยม ริมกำแพงด้านต่างๆ ของวัด เหลือเพียงรากฐาน ไม่สามารถบอกรูปแบบได้ชัดเจน แต่จากชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุที่พบ สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นศาลาราย มีทั้งสิ้น ๖ หลัง
เจดีย์รายทรงเครื่อง (โบราณสถานหมายเลข ๑๗ - ๒๘) แต่ละองค์เหลือเพียงรากฐานที่น่าสนใจ ได้แก่ องค์ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเจดีย์ฐานสูง พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมที่อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นเจดีย์ทรงเครื่องยอดปรางค์ และกลุ่มเจดีย์ทรงเครื่องบนฐานเดียวกันทางทิศใต้ของเจดีย์ฐานสูง สถาปัตยกรรมประเภทเจดีย์ทรงเครื่องนี้นิยมสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
กำแพงและประตูเข้าวัด รอบวัดกั้นขอบเขตด้วยกำแพงอิฐซึ่งบูรณะขึ้นตามแนวรากฐานกำแพงเดิมของวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา มีประตูเข้าวัดอยู่ทางด้านตะวันออก
วัดจงกลมน่าจะเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในบริเวณทุ่งขวัญริมคลองสระบัว ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอดจนกระทั่งร้างไปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดจงกลมเป็นโบราณสถานของชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๖๐ ตอนที่ ๓๙ วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๖
วิดีทัศน์