ชื่ออุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

วัดกษัตราธิราช


 

          วัดกษัตราธิราช  ปรากฏนามในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน  ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.๒๔๓๑  เดิมชื่อ  “วัดกษัตรา  หรือวัดกระษัตราราม”  วัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เลขที่ ๑๕ หมู่ ๗ ตำบลบ้านป้อม  อำเภอพระนครศรีอยุธยา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          วัดนี้ปรากฏนามในพระราชพงศาวดารครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์  ด้วยเป็นวัดที่พม่าใช้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่ยิงเข้ามาในพระนคร  ทำให้บ้านเรือนเสียหายและราษฎรล้มตายมาก  และวัดได้รกร้างไปในเวลาต่อมา  สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ระหว่าง พ.ศ.๒๓๒๘ - ๒๓๔๙  สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ทองอิน)  ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ทรงพระราชศรัทธาปฏิสังขรณ์ และสร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งพระอาราม  และโปรดประทานนามพระอารามใหม่ว่า  “วัดกษัตราธิราช”

          ต่อมาใน พ.ศ.๒๓๖๑  ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  สมเด็จพระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ)  ก็ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งและเข้าใจว่า  น่าจะได้รับการปฏิสังขรณ์อีกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เพราะลวดลายที่ประดับบนหน้าบันของศาลาตรีมุขเป็นลายพระเกี้ยว  อันเป็นตราพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

          วัดกษัตราธิราชนี้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี  เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๐  ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา  เล่มที่ ๙๔  ตอนที่ ๒๓  วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๐  หน้า ๑๒๖๑  มีเนื้อที่ ๓๖ ไร่ ๓ งาน ๓๒ ตารางวา

          เนื่องจากอาคารโบสถ์วิหารต่างๆ ภายในวัดส่วนใหญ่ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่หมด  และใน พ.ศ. ๒๕๓๔  ก็ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ใหม่อีก  ดังนั้นรูปแบบอาคารภายนอก  จึงเป็นรูปแบบศิลปสถาปัตยกรรมแบบประเพณีสมัยใหม่  แต่ยังปรากฏร่องรอยที่แสดงว่าเป็นวัดมาแต่โบราณ  ได้แก่  พระอุโบสถ  พระปรางค์ประธาน  พระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง  และพระปรางค์เล็กด้านหน้าพระอุโบสถ  หอระฆัง  มีรูปแบบคล้ายหอระฆังที่สร้างในรัชกาลที่ ๔  ด้วยยอดเป็นทรงยอดมงกุฎ  ศาลาตรีมุข  และกุฏิตึกแบบฝรั่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕  ตามพระราชนิยม  อันแสดงให้เห็นว่า  วัดกษัตราธิราชนี้ได้รับการดูแลทะนุบำรุง  ปรับปรุง  และปฏิสังขรณ์  สืบต่อมาทุกยุคสมัยจนปัจจุบัน

          พระอุโบสถ

          พระอุโบสถก่อด้วยอิฐถือปูน  ยกพื้นสูงมีประตูทางเข้าด้านหน้า ๒ ประตู  อาคารพระอุโบสถมีขนาดกว้าง ๒๒ เมตร  ยาว ๔๖ เมตร  หลังคาซ้อน ๒ ชั้น  หน้าบันประดับหลายเครือเถา  ลงรักปิดทองประดับกระจก  ตัวพระอุโบสถก่ออิฐเป็นผนังหนา  เพื่อรองรับหลังคา  ด้านนอกทำเป็นเสาในตัวตามแบบศิลปะอยุธยา  ยอดเสาเป็นลายบัวแวง  มีทวยไม้จำหลักรูปพญานาครองรับชายคาอยู่บนเสาทุกเสา  ด้านหน้าประดับด้วยซุ้มบุษบกบัญชรตั้งอยู่บนแท่นใหญ่  ด้านหลังสร้างเป็นมุขขนาดเล็กเรียกมุขเด็จประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์  หน้าต่างเจาะเป็นช่องเล็กๆ  ระหว่างช่วงหน้าต่างประดับด้วยลายดอกไม้เครือเถา  ภายในพระอุโบสถบนฐานชุกชีประดิษฐานพระประธาน  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  ประทับบนฐานบัวผ้าทิพย์  พระนามว่า  พระพุทธกษัตราธิราช  เป็นพระพุทธรูปในศิลปะอยุธยา  ที่เพดานและขื่อประดับลายจำหลักลงรักปิดทองเป็นช่องกระจกดอกจอกอย่างสวยงาม  บนลานพระอุโบสถโดยรอบตั้งใบเสมาอยู่บนฐานบัว  ลักษณะใบเสมาสลักจากหิน  ตรงกลางสกัดเป็นเส้นโค้งคล้ายรูปหัวใจ  มีแถบยาวตัดตรงกลางอันเป็นลักษณะของเสมาในสมัยอยุธยาตอนกลางถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย

            พระวิหาร

          ในวัดกษัตราธิราช  มีพระวิหาร ๔ หลัง  คือ  พระวิหารใหญ่ ๒ หลัง  ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ  และพระวิหารน้อย ๒ หลัง  ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมกำแพงแก้วของพระอุโบสถด้านทิศตะวันออกและตะวันตก
          สำหรับพระวิหารใหญ่มีขนาดกว้าง ๖ เมตร  ยาว ๑๓ เมตร ๕๐ เซนติเมตร  หลังคาเป็นชั้นลด ๓ ชั้น  พระวิหารหลังทิศใต้  ด้านหน้าทำเป็นประตูซุ้มยอดมณฑป  หน้าบันของพระวิหารด้านทิศเหนือ  สลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ  ล้อมรอบด้วยลายกระหนก  ภายในพระวิหารบนฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปยืน  ปางถวายเนตร  และปางประทานอภัย  รวม ๒ องค์  ทีผนังโดยรอบมีร่องรอยเจาะเป็นช่องสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็ก  แต่ปัจจุบันทำเป็นหน้าต่างด้านละ ๓ บาน  ส่วนหน้าบันของพระวิหารหลังใต้สลักภาพพราหมณ์อาลัมพายน์จับพญานาคภูริทัต  ภายในพระวิหารด้านทิศใต้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิเป็นพระประธาน  และรูปพระศรีอาริยเมตไตรยจีวรดอก  ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของพระประธาน  ที่ผนังเจาะเป็นช่องสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็ก  ซึ่งลักษณะการเจาะผนังนี้นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์  รัชกาลที่ ๓  แต่สำหรับพระพุทธรูปและพระศรีอาริยเมตไตรยนั้นเป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น

            พระปรางค์

          พระปรางค์ประธาน  มีขนาดสูง ๒๒ เมตร ๖๐ เซนติเมตร  เชื่อกันว่าประดิษฐานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย  พระปรางค์นี้ทรงฝักข้าวโพด  ตรงเรือนธาตุมีจระนำซุ้มทิศทั้ง ๔ ด้าน  ภายในจระนำมีรูปจำลองเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองประดับเป็นภาพนูนสูง  ลายอุณาโลมประดับอยู่ในส่วนหน้าบันเหนือซุ้ม  ทั้งลักษณะของพระปรางค์  และรูปเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง  รวมทั้งอุณาโลมเป็นลักษณะศิลปะอยุธยา

            พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง

          พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง  มี ๔ องค์  อยู่ด้านหลังพระวิหาร  และเป็นที่บรรจุอัฐิอดีตเจ้าอาวาส  ลักษณะของพระเจดีย์แสดงรูปศิลปะอยุธยาตอนปลาย

          วัดกษัตราธิราชได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ  เมื่อ  พ.ศ.๒๕๔๑  ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา  เล่มที่ ๑๑๕  ตอนที่ ๓๗ ง  วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑

 

 

 วิดีทัศน์

วัดกษัตราธิราช