วัดขุนเมืองใจ
วัดขุนเมืองใจ เป็นวัดโบราณร้าง ตั้งอยู่ริมถนนโรจนะ ใกล้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้แล้ว ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๑๖ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๘๔ วัดขุนเมืองใจไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเริ่มสร้างมาแต่สมัยใด แต่คงมีมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดขุนเมืองใจเป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่ง ในสมัยอยุธยาเคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา นอกจากนี้ พบส่วนองค์พระพระพุทธรูปศิลาหลายชิ้นมีทั้งศิลปะทวารวดีตอนปลาย ศิลปะอู่ทอง หรือระยะก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเล็กน้อย และศิลปะอยุธยา สืบต่อมาจนร้างไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐
จากร่องรอยของซากศาสนสถานและสถูป สามารถศึกษาถึงการวางผังของศาสนสถานในเขตวัดร้างนี้ได้ว่า สถูปประธานตั้งอยู่กลางระหว่างโบสถ์ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันิออกและวิหารซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ศาสนสถานแต่ละแห่งของวัดขุนเมืองใจ ที่น่าสนใจมีดังนี้
สถูปประธาน สถูปหรือเจดีย์ประธาน เป็นสถูปขนาดใหญ่ ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ขนาดกว้าง ๑๙.๓๐ น. ก่ออิฐถือปูน ฐานที่เหลืออยู่แสดงให้เห็นว่าเป็นฐานสูงซ้อนกัน ๒ ชั้น ฐานแต่ละด้านแบ่งช่องเป็นระยะๆ ปรากฏร่องรอยของพระพุทธรูปประดับอยู่ที่ฐานทั้งฐานชั้นล่างและชั้นบน ชั้นละองค์ ซึ่งรูปแบบของฐานสถูปนั้นมีลักษณะคล้ายฐานเจดีย์วัดพระแก้ว เมืองสรรค์ (อำเภอสรรคบุรี) จังหวัดชัยนาท จึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นวัดมาก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ.๑๘๙๓
อุโบสถ รูปสี่เหลี่ยมขนาดยาว ๑๘.๕๐ เมตร กว้าง ๙ เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตัวอุโบสถมีบันไดทางขึ้นด้านหน้าตรงกลางเพียงบันไดเดียว ด้านในสุดมีฐานชุกชีสำหรับประดิษฐานพระประธาน แนวอุโบสถภายในด้านหลังดูคล้ายเป็นห้องเล็กที่สร้างเข้าไปในผนังอุโบสถ ซึ่งปรักหักพัง เหลือผนังซึ่งก่อด้วยอิฐเพียงบางส่วนเป็นผนังหนาไม่มีเสารับภายใน
อย่างไรก็ดีได้พบร่องรอยชิ้นส่วนของพระพุทธรูปที่เหลืออยู่ภายในอุโบสถ ๒ แบบ
แบบที่หนึ่ง เป็นส่วนองค์พระพุทธรูปที่สลักจากหินชีสท์สีเขียว ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๕ ซึ่งอาจเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น
แบบที่สอง เป็นส่วนขององค์พระพุทธรูปที่สลักจากหินทรายสีแดง รูปแบบของพระพุทธรูปแสดงลักษณะศิลปะอู่ทองหรือศิลปะอยุธยาตอนต้น ซึ่งมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐
บริเวณของอุโบสถมีแนวกำแพงแก้ว ก่ออิฐถือปูน ปรักหักพังเหลือร่องรอยเป็นแนวเตี้ยๆ กำแพงยาว ๑๕.๕๐ เมตร กว้าง ๑๒ เมตร ที่กำแพงแก้ว ด้านหน้าคือทิศตะวันออก มีประตู ๒ ประตู กว้างประตูละ ๑.๕๐ เมตร
ด้านนอกของกำแพงแก้วรอบอุโบสถ มีร่องรอยของฐานเจดีย์ขนาดเล็กเรียงรายอยู่โดยรอบ ด้านทิศเหนือ ๔ องค์ ด้านทิศใต้ ๕ องค์ และด้านทิศตะวันออก ๑ องค์
วิหาร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๗.๕ เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ภายในวิหารมีร่องรอยของแนวเสาก่ออิฐเป็นระยะๆ ๘ คู่ เป็นวิหารขนาด ๗ ห้อง ด้านในสุดทางทิศตะวันตก มีแนวฐานชุกชีสำหรับประดิษฐานพระประธาน โดยรอบวิหารนี้มีร่องรอยพระเจดีย์แปดเหลี่ยมเรียงรายไปตามแนวยาวของวิหารด้านละ ๕ องค์ และฐานเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งอยู่ระหว่างตัววิหารกับสถูปประธาน
วิหารเล็ก วิหารอยู่ต่ำจากเนินของซากศาสนสถานหลักทั้ง ๓ แห่งออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากร่องรอยที่เหลือเพียงฐาน ทำให้เห็นว่าเป็นวิหารขนาดเล็ก กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกเพียงประตูเดียว ซึ่งมีขนาดกว้าง ๑.๗๐ เมตร ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนตามแบบศิลปะอยุธยา
สรุป จากการศึกษาในรูปแบบศิลปสถาปัตยกรรมของทั้งวิหารและอุโบสถที่เหลือร่องรอยทางศิลปะอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นรูปแบบของลักษณะสถาปัตยกรรมอยุธยาตอนต้นหรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย โดยพิจารณาจากแผนผังการสร้าง ขนาดของแผ่นอิฐ ตลอดจนถึงลักษณะเนื้อดินของแผ่นอิฐนั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นไปได้ที่ว่า บริเวณวัดขุนเมืองใจนี้น่าจะเป็นวัดโบราณที่สร้างมา ๒ ระยะ คือ สมัยก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา คือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ และเจริญสืบต่อมา โดยมีสถูปเป็นศาสนสถานที่สำคัญ ตามคติการสร้างวัดในสมัยสุโขทัย สุพรรณภูมิและอยุธยาตอนต้น หลักฐานที่สำคัญคือ การขุดค้นพบเครื่องถ้วยสังคโลกของสุโขทัยจากแหล่งเตาเผาศรีสัชนาลัย และได้รับการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา ดังหลักฐานที่พบเป็นศิลปะอยุธยาตอนกลางและอยุธยาตอนปลาย เช่น พระพุทธรูปสำริดขนาดเล็ก กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องเชิงชาย เครื่องถ้วยลายครามจีนลายไทย และเศษภาชนะดินเผาต่างๆ และมีการสร้างอุโบสถขึ้นใหม่บนฐานศาสนสถานเดิม.
วิดีทัศน์
วัดขุนเมืองใจ