ชื่ออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

ประวัติ

sukhothai9 Mo

 

       อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า  อำเภอเมือง  จังหวัดสุโขทัย  ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ ๔๔๐ กิโลเมตร  ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร
ประวัติการดำเนินการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
       กรมศิลปากรเริ่มดำเนินการสำรวจและขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมืองเก่าสุโขทัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๘ เป็นต้นมา โดยได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๒ ตอนที่ ๗๕  วันที่ ๘ มีนาคม  พ.ศ.๒๔๗๘  ในครั้งนั้นเป็นจำนวน ๗๕ แห่ง

 

hp05 001
       ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๖ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูบูรณะเมืองสุโขทัยขึ้น  โดยเริ่มมีการขุดแต่งที่วัดมหาธาตุเป็นแห่งแรก  และตามด้วยโบราณสถานที่สำคัญอื่นๆ ทั้งภายในกำแพงเมืองและภายนอกกำแพงเมือง   ระยะต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมการปรับปรุงบูรณะโบราณสถานจังหวัดสุโขทัย เพื่อดำเนินงานในระยะที่ ๒  ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๘ - ๒๕๑๒
       พ.ศ. ๒๕๑๘ กรมศิลปากร กำหนดขอบเขตพื้นที่ของโบราณสถานเมืองสุโขทัยจำนวน ๔๓,๗๕๐ ไร่ หรือประมาณ ๗๐ ตารางกิโลเมตร โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๙๒ ตอนที่ ๑๑๒ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๘

 

hp05 003
       พ.ศ.๒๕๑๙ กรมศิลปากรริเริ่มจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเมืองโบราณสุโขทัยให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์  ได้ดำเนินการสำรวจ ขุดแต่ง บูรณะ และพัฒนาเมืองโบราณสุโขทัย  ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ.๒๕๒๐ - ๒๕๒๔) และฉบับที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๒๕ - ๒๕๒๙)โดยใช้ชื่อโครงการว่า “โครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” ซึ่งเป็นโครงการของแผนงานสงวนรักษา อนุรักษ์ และซ่อมแซมมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของกรมศิลปากร  มีเป้าหมายที่จะอนุรักษ์โบราณสถานของเมืองสุโขทัยไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และอารยธรรม   ตลอดจนพัฒนาให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้กรมศิลปากรดำเนินการพัฒนาพื้นที่เขตเมืองสุโขทัยเป็น อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย
        จากการดำเนินงานดังกล่าวได้มีการสำรวจพบโบราณสถาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัดโบราณ นอกจากนี้ยังมีแหล่งเตาเผาภาชนะดินเผา(เตาทุเรียง)กำแพงเมือง คูเมือง คันดินบังคับน้ำ รวมถึงทำนบโบราณ(สรีดภงส์) ด้วย รวมทั้งสิ้น ๑๙๓ แห่ง โดยแบ่งออกเป็น
          - โบราณสถานกลางเมืองหรือในกำแพงเมือง (ก)            จำนวน  ๖๐  แห่ง
          - โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ (น)            จำนวน  ๒๗  แห่ง
          - โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ (ต)               จำนวน  ๓๗  แห่ง
          - โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออก (ต.อ.)   จำนวน  ๑๙  แห่ง
          - โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก (ต.ต.)     จำนวน  ๕๐  แห่ง

 

hp05 002การเปิดอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงประกอบพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๑  ซึ่งรัฐบาลและประชาชนชาวไทยร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ทั้งเพื่อธำรงรักษามรดกวัฒนธรรมแห่งบรรพชนไทยให้คงอยู่ยั่งยืน  เป็นหลักฐานของอารยธรรมของประเทศไทยสืบไป
การประกาศให้สุโขทัยเป็นมรดกโลก
         คณะกรรมการมรดกโลกแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ  ได้ประกาศในการประชุม ณ กรุงคาร์เธจ ประเทศตูนีเซีย  ให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร เป็นมรดกโลก  เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๔  นับเป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ ๕๗๔
         จากหลักฐานที่ปรากฏ ณ เมืองโบราณสุโขทัย และเมืองบริวาร  แสดงให้เห็นถึงผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมไทยยุคแรก  ความงดงามอลังการของศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมแห่งอาณาจักรสุโขทัยเป็นประจักษ์พยานของความรุ่งเรืองในอดีต  แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา และประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งประเทศ